All Blogs

โลกกำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล กับการถูกเป่าหูครั้งใหม่ 🤯

มาถึงปี 2025 เหมือนว่าทิศทางโลกการสื่อสารจะไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคิด ในฐานะเด็กสื่อสารมวลชนฯ อยากแสดงความเห็นซักหน่อย

cover_image

เราเคยทราบกันใช่ไหมว่า ในอดีต ความคิดเห็นของประชาชนถูกควบคุมโดยการสื่อสารมวลชน ซึ่งมีสื่อหลัก ที่มี feature การสื่อสารทางเดียว (One-way Communication) เช่น ทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ ทั้งหมดนี้ผ่านการควบคุมผ่านผู้มีอำนาจลงมาเป็นลำดับชั้น จนกระทั่งในเวลาต่อมา เทคโนโลยีได้เริ้มเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสื่อสาร ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารผ่านสื่ออื่นๆ นอกเหนือจากสื่อหลัก ผู้มีอำนาจไม่สามารถควบคุมการสื่อสารในประเทศไปในทิศทางเดียวได้่ได้ทั้งหมด อำนาจการสื่อสารตกอยู่ในมือผู้ควบคุมแพลตฟอร์ม และผู้มีอิทธิผลในการผลิตสื่อ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ข้อมูลข่าวสารได้ถูกแตกย่อยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มี Mass Influencer หรือผู้ที่ถืออำนาจการสื่อสารในหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งอีกต่อไป แต่อำนาจการสื่อสารถูกพิจารณาผ่านการเลือกของผู้รับสารนั้นเอง

แล้วยังไง?

มันเหมือนจะผ่านไปได้ดี ประชาชนมีเสรีภาพในการสื่อสาร มีเสรีีภาพในการแสดงความคิดเห็นได้ทุกมิติอย่างเต็มที่ ทั้งด้านที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับหัวข้อหนึ่งๆ ซึ่งผลักดันสังคมสู่การมีวุฒิภาวะที่จะยอมรับในความเห็นที่แตกต่างนี้ ก่อนจะเล่าถึงความคิดเห็นของผม ขออนุญาตพูดถึง Echo Chamber ซึ่งเป็นปรากฎการหนึ่งในการสื่อสาร ที่เด็กสื่อสารมวลชนฯ อย่างกระผม และเพื่อนๆ น่าจะคุ้นเคยกันดี อธิบายคร่าวๆ ก็คือ

Echo Chamber ??

Echo Chamber คือ สภาวะที่ผู้รับสารได้รับข้อมูลข่าวสารที่มีความเห็นหรือมุมมองเดียวกันซ้ำๆ จนเกิดการยืนยันความเชื่อหรือความคิดเห็นเดิมๆ โดยไม่เปิดรับข้อมูลหรือความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป

เช่น ความคิดเห็นทางการเมือง หากกลุ่มสมาชิกแห่งหนึ่งเชื่อไปแล้วว่า การเมืองฝั่งนี้เป็นฝั่งดี อีกฝั่งเป็นฝั่งแย่ การรับข้อมูลข่าวสารภายในกลุ่มนี้ก็จะสนับสนุนความเชื่อที่ตนเชื่ออยู่ เช่น หาข่าวมาเพิ่มว่าฝั่งที่ตนเชื่ออยู่ดีจริงๆ และอีกฝั่งแย่จริงๆ พอได้รับข้อมูลข่าวสารที่ไม่ตรงกับความเชื่อ ก็จะมองว่าเป็น Fake News หรือไม่ก็เป็นการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร

ถามว่าอันนี้มันเกิดจากอะไรได้บ้าง?

  • 1- การเลือกเสพสื่อ: คือ เลือกสื่อที่ตรงกับความเชื่อหรือความคิดเห็นของตนเอง เช่น การติดตามเพจหรือช่องข่าวที่มีแนวคิดเดียวกัน
  • 2- นโยบายของแพลตฟอร์ม: แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมักจะแสดงเนื้อหาที่ตรงกับความสนใจหรือพฤติกรรมการเสพสื่อของผู้ใช้ เช่น การแนะนำโพสต์หรือวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับความสนใจของผู้ใช้
  • 3- การยืนยันความเชื่อตัวเอง: ผู้รับสารมักจะมองหาข้อมูลหรือความคิดเห็นที่ตรงกับความเชื่อของตัวเอง เพื่อยืนยัน/ย้ำความเชื่อนั้นๆ และมองข้ามข้อมูลหรือความคิดเห็นที่ขัดแย้งกับความเชื่อของตนเอง

เข้าเรื่องได้ยัง?

ยัง! เพราะจะพูดก่อนนี้แหละว่า มาในปี 2022-2024 เราก็ได้ปลูกฝังถือเรื่อง Digital Literacy กันมาอย่างต่อเนื่อง หรือ ความฉลาดทางดิจิทัล เอาเป็นว่าในเรื่องหนึ่งก็คือ ให้เราเท่าทันสื่อ หมายความว่า เราควรจะวิเคราะห์ได้ว่าอันไหน Fake News อันไหน Bias เราควรจะพิจารณาข้อมูลทั้งสองด้านและคิดไตร่ตรองก่อนเสมอ เพราะเรารู้แล้วว่า Echo Chamber มันเป็นยังไง เช่น เราอาจจะพอรู้แหละว่า ที่ฟีดเรื่องนี้มันโผล่มาในฟีดเป็นเพราะเราสนใจมันเอง เราก็จะเหมือนมีสมองที่คอยเตือนความ Bias ของตัวเองก่อนจะเชื่ออะไรไปซักอย่าง

แน่นอนว่าเราจะไม่พูดถึง Fake News, Scam, มิจฉาชีพหลอกตัง ใดๆในบล็อคนี้ เพราะมันจะยิ่งยาวและไม่ได้พูดถึงเรื่องที่จะพูดซักที

เข้าเรื่องจริงๆแล้ว!

ผมไปเจอโพสต์ใน Reddit มา

"We reached the point where AI generated comments are Top Comments on Reddit"

คอมเม้นต์ตอบกลับ:

"Yeah, I see it everywhere now. Real bummer. We try to ban them on WSB, but it's just a matter of time. I'm not sure where Reddit goes from here tbh. If it loses the "authentic corner of the internet" vibe, then it's over (unless, it isn't?)"

ซึ่งโพสต์นี้พูดถึงการที่มีคนใช้ AI สร้างคอมเมนต์ แล้วคอมเม้นนั้นสามารถขึ้นเป็นคอมเมนต์ยอดนิยมได้ แน่นอนว่ามันเริ่มเกิดขึ้นในต่างประเทศที่มีคนเริ่มใช้ AI มาคอมเม้นต์แล้วเรียกยอดไลค์ไปได้เยอะ (ไม่ใช่แค่ใน reddit) เกรงว่ามันน่าจะเริ่มมาในประเทศไทยเร็วๆนี้

ความน่าสนใจของเรื่องนี้

ดูเผินๆ ก็ไม่เห็นจะมีอะไรใช่ไหม แต่คืองี้ คอมเม้นต์ AI มันเสมือนแปลว่า นี่คือค่าเฉลี่ยของความคิดเห็นชาวเน็ต แปลว่า ข้อความชิ้นนี้จะโน้มน้าวคนที่เห็นด้วยเหมือนกัน (ซึ่งคิดเป็นเสียงส่วนใหญ่) เข้ามาสนับสนุนยิ่งขึ้นไป ทำให้มันกลายเป็นความเห็นยอดนิยมได้ อะใช่มันก็ปกติดีนิ

แต่มันจะเป็นยังไงถ้า 70% ของคอมเม้นต์ในโพสต์นั้นเป็น AI คอมเม้นต์ แบบนี้แพลตฟอร์มนั้นๆจะมี Feedback ที่แท้จริงมั้ย ยอด Engagement จะมีผลจริงๆกับโพสต์นั้นๆมั้ย แล้วความเป็น Raw Data จะเปลี่ยนไปไหม ลองนึกว่าเราเป็น Mark Zuckerberg เราทำเฟซบุ๊ค แต่เราต้องการข้อมูลของคนจริงๆเช่นมาทำ Ads มาทำ Algorithm เอาเป็นว่า ปลายทางของเรื่องนี้ เราจะได้ข้อมูลปลอมผสมกับข้อมูลจริงสูงขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายโลกโซเชียลจะไปทางไหน ความคิดเห็นของคนที่แท้จริงจะมีความหนาแน่นของคุณภาพลดลง จากปริมาณข้อมูลผสมนี้

อธิบายง่ายๆ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ปริมาณข้อมูล'ความเห็นยอดนิยม'เฉลี่ยจากเดิม จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปริมาณข้อมูลใหม่ๆจะลดลงๆ (ความเห็นต่างจะลดลง) โดยข้อมูลทั้งหมดวนเวียนในระบบต่อไปซ้ำๆ แปลว่า Output ที่ออกมาจะได้ข้อมูลเฉลี่ยเดิมนี้ที่มี Bias สูงขึ้นเรื่อยๆ น่าจะพอเห็นภาพเนอะ

เอาแหละอาจจะมีคนแย้งขึ้นมาว่า มันก็ปกติเหมือนที่เราใช้ AI มาช่วยสร้างโพสต์ต่างๆนิ การคอมเม้นต์โดยใช้ AI ไม่ได้ส่งผลถึงแพลตฟอร์มแบบนั้นหรอก

ก็จริงครับ ประเด็นมันอยู่ตรงที่ เจตจำนงของการใช้ AI คอมเม้นต์มันไม่ได้ตรงไปตรงมา แต่มันคือการ"แอบแฝง"ผลประโยชน์ต่อ Engagement หรือเป้าหมายอื่นๆอย่างเงียบๆ เพื่อให้ความเห็นนั้นถูกดันขึ้น เป็นเสียงส่วนใหญ่อีกที ง่ายๆคือหลอกทั้งระบบ และหลอกทั้งคน ก็ขึ้นอยู่ว่าเราจะรู้ทัน Agenda เบื้องหลังนั้นหรือไม่

อันนี้ยังไม่ได้พูดถึงการผลิตคอนเท้นส์จาก AI ที่ไม่ใช่การสร้างสิ่งใหม่ ที่เป็นการวนซ้ำข้อมูลเดิมๆที่มีอยู่แล้วในอินเทอร์เน็ต ท้ายที่สุดจากที่ผมกล่าวมา มันนำไปสู่ Echo Chamber แบบที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยก็ว่าได้ และเราอาจสายเกินที่จะรู้ตัว

แน่นอนว่าผมทำอะไรไม่ได้ และผมแค่ออกมาแสดงความคิดเห็น

มีเรื่องที่ผมจะทิ้งไว้อีกนิดหน่อย มีประเด็นดังนี้

1.ใช้ AI อย่างสมดุล เน้นสร้างสิ่งใหม่

เรื่องแรก ไม่ผิดที่มีการใช้ AI มาช่วยสร้างคอนเท้นต์หรือคอมเม้นต์ มันช่วยให้เราประหยัดเวลา ข้อมูลตรงใจมากขึ้น แจกแจงข้อมูลได้เยอะขึ้น เสริมสร้างอัตลักษณ์ของเรามากขึ้น อย่างไรก็ตาม อาจจะต้องมีจุดที่ Balance ว่า ถ้ามันไม่ใช่การสร้างสิ่งใหม่เลย หรือ มันเป็นการวนซ้ำสิ่งเดิม ก็อาจจะต้องลดความสำคัญของสิ่งนี้ลงไป

2. ใส่ใจ Authenticity (ความเป็นคน)

ที่น่าห่วงคือเรื่อง Authenticity คือความเป็นคนจริงๆ ที่อยากให้กลับมาเข้มข้นขึ้นอีกครั้ง ผมคิดว่าในอนาคตเราอาจจะกลับมาใส่ใจสิ่งนี้กันอีกครั้ง เพราะ AI มันเริ่มเกลื่อน แล้วความเห็นของ AI มันลดคุณภาพการ ปฏิสัมพันธ์ของผู้คนลงไปเรื่อยๆ แบบนี้กลายเป็นว่ามันจะไม่ใช่ Social Media แล้ว จะกลายเป็น AI คุยกันเอง แล้วคนคุยผ่าน AI อีกที

3. รู้ทัน Bias ของข้อมูล

ส่วนเรื่อง Bias ของข้อมูล, ปริมาณข้อมูลที่ไม่แท้จริงที่มากขึ้นเรื่อยๆ นั้น ทุกคนน่าจะเข้าใจกันแล้วจากการกล่าวในหัวข้อที่ผ่านมา ว่ามันส่งผลยังไงต่อการประมวลผลข้อมูลของแพลตฟอร์มและอนาคตของการใช้ข้อมูล

และนั่นก็คือทั้งหมด

ก็อยากให้ทุกคนลองแยกดูว่า อันไหนโพสต์ AI อันไหนโพสต์คน อันไหนความเห็น AI อันไหนความเห็นคนจริงๆ เช่น บล็อกนี้ AI เขียนมั้ย? ถ้าเขียนได้แบบนี้ก็ไล่ผมออกจากเว็บตัวเองเถอะนะ

_

ai_reddit_meme

Welcome to the future!

Share With: